Veneer/Teeth Whitening/Dental Crown

ออกแบบรอยยิ้มใหม่ ด้วย วีเนียร์

สร้างรอยยิ้มใหม่ มั่นใจด้วยวีเนียร์
วีเนียร์ หนึ่งตัวช่วยที่สามารถแก้ความบกพร่องของฟันให้กลับมาสวยงาม ยิ้มได้อย่างมั่นใจมากกว่าเดิม

วีเนียร์ เป็นหนึ่งในงานทันตกรรมที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ต้องใช้รอยยิ้มในการทำงานเช่น ดารา นักแสดง และนางงาม วีเนียร์สามารถแก้ปัญหาฟันได้หลากหลาย เช่น ฟันห่าง ฟันบิ่น ฟันหัก ฟันเหลือง ฟันตกกระ ฟันดำ ขนาดฟันไม่เท่ากัน และฟันมีรูปร่างผิดปกติ การทำวีเนียร์นอกจากจะทำให้รูปร่างฟันสวยขึ้น ขาวขึ้นและเรียงตัวดีขึ้นแล้ว ยังช่วยสร้างเสน่ห์และรอยยิ้มที่น่ามองและเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่คุณได้ค่ะ 

วันนี้ Bigmouthten จะขออธิบายข้อควรรู้ก่อนและหลังทำวีเนียร์ เช่น วีเนียร์แต่ละแบบราคาเท่าไร ควรทำกี่ซี่ดี และทำวีเนียร์ที่ไหนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์คุ้มค่ากับคนไข้ที่สุด



วีเนียร์ คืออะไร 

วีเนียร์ (veneer) เป็นการเคลือบหน้าผิวฟันด้วยแผ่นบาง ๆ ทำจากวัสดุคอมโพสิต (composite) หรือ เซรามิก (ceramic)  ซึ่งถูกออกแบบให้มีรูปร่างใกล้เคียงกับฟัน โดยวีเนียร์จะติดแนบสนิทกับผิวหน้าของฟันแบบไร้รอยต่อกับผิวฟันธรรมชาติ

ทำวีเนียร์แบบไหนดี ? คอมโพสิตวีเนียร์คืออะไร ? เซรามิกวีเนียร์คืออะไร ? 
วัสดุที่นำมาทำวีเนียร์มีอยู่ 2 ประเภท ดังนี้

  • คอมโพสิตวีเนียร์ (composite veneer) เป็นวีเนียร์ที่ทำมาจากคอมโพสิต ซึ่งเป็นวัสดุแบบเดียวกับที่ใช้ในการอุดฟัน มีอายุการใช้งานและมีความใสของวีเนียร์ที่น้อยกว่าแบบเซรามิก คอมโพสิตวีเนียร์จะเหมาะกับคนที่มีปัญหาฟันห่าง ฟันเล็ก ฟันบิ่น ฟันเกเล็กน้อย ฟันที่มีสีไม่เสมอกัน แต่มีงบประมาณจำกัด
  • เซรามิกวีเนียร์ (ceramic veneer) เป็นวีเนียร์ที่ทำมาจากเซรามิก ซึ่งมีคุณสมบัติที่มีความทนทานสูง มีอายุการใช้งานยาวนาน และเนื้อเซารมิกจะมีความสวยงามและวาวเป็นธรรมชาติ คล้ายคลึงกับฟันธรรมชาติมากกว่าคอมโพสิตวีเนียร์ จึงทำให้เซรามิกวีเนียร์มีราคาสูงกว่าคอมโพสิตวีเนียร์

ปัจจุบันเซรามิกวีเนียร์ได้รับความนิยมมากกว่าคอมโพสิตวีเนียร์  เนื่องจากวัสดุเซรามิกไม่ดูดซับสีอาหาร ซึ่งอาจก่อให้เกิดคราบต่าง ๆ ตามมาในภายหลังได้

วีเนียร์ต้องทำกี่ซี่ ถึงจะดี?  
โดยทั่วไปแล้วจำนวนซี่ฟันที่จะทำวีเนียร์นั้นจะขึ้นกับปัญหาของคนไข้แต่ละราย เช่นหากมีปัญหาฟันบิ่น สามารถทำวีเนียร์เพียง 1 ซี่เพื่อแก้ไขรูปร่างให้เหมือนฟันซี่ข้างเคียงได้ แต่ในคนไข้ที่ต้องการแก้ไขรอยยิ้มแบบโดยรวม ทันตแพทย์จะประเมินจากรอยยิ้มของคนไข้แต่ละรายว่ายิ้มเห็นฟันกี่ซี่ ยิ้มเห็นฟันบนอย่างเดียวหรือยื้มเห็นฟันล่างด้วยไหม วีเนียร์ 8 ซี่หน้าบน (ฟันกรามน้อยซี่ที่ 1 บน ซ้าย-ขวา) จะเป็นจำนวนที่ทันตแพทย์และคนไข้เลือกทำบ่อยที่สุด

ขั้นตอนการทำวีเนียร์ 
ทันตกรรมวีเนียร์ เป็นหนึ่งในแนวทางการรักษาในการปรับเปลี่ยนรอยยิ้มของคุณที่รวดเร็ว

  • ครั้งที่ 1 ก่อนเริ่มทำ ตรวจและปรึกษากับทันตแพทย์เฉพาะทาง เพื่อทราบถึงปัญหาและความต้องการในการทำวีเนียร์ จากนั้นเก็บข้อมูลคนไข้ด้วยการถ่ายรูปใบหน้าและฟัน ตรวจสภาพฟันและเหงือก การ x-ray เพื่อเช็คสภาพรากฟันและกระดูกรองรับรากฟัน และการพิมพ์ฟัน
    • ในเคสที่มีความซับซ้อน ทันตแพทย์จะ waxing บนโมเดลฟัน เพื่อทำแบบจำลองฟันหลังทำวีเนียร์ เพื่อใช้ในการอธิบายและทำเป็นวีเนียร์ชั่วคราว
  • ครั้งที่ 2 เริ่มทำวีเนียร์ ทันตแพทย์เฉพาะทางจะทำการกรอผิวฟัน 0.5-1 mm เพื่อเป็นที่อยู่ของวีเนียร์ หลังจากนั้นจะพิมพ์ฟันและเลือกสีฟันร่วมกัน และส่งให้แลปทำการผลิตวีเนียร์ ก่อนกลับทันตแพทย์จะใส่วีเนียร์ชั่วคราวให้ผู้ป่วย
  • ครั้งที่ 3 ใส่วีเนียร์ตัวจริง โดยจะนัดหลังการนัดครั้งที่ 2 ประมาณ 1-2 อาทิตย์ ทันตแพทย์จะนัดผู้ป่วยเพื่อใส่วีเนียร์ตัวจริง
  • นัด follow up หลังทำ 1-2 อาทิตย์ เพื่อติดตามการใช้งาน

วีเนียร์อยู่ได้นานไหม ? 
การทำเซรามิกวีเนียร์โดยเฉลี่ยแล้วมีอายุการใช้งานยาวนานถึง 10-15 ปี ส่วนคอมโพสิตวีเนียร์ จะมีอายุการใช้งานเพียง 2-3 ปี ขึ้นกับการดูแลสุขภาพช่องปากของคนไข้ รวมไปถึงนิสัยการรับประทานอาหารของแต่ละบุคคล ถ้าดูแลได้อย่างดีก็สามารถยืดอายุการใช้งานได้ถึง 20 ปี ซึ่งนับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า

เลือกทำวีเนียร์ที่ไหนดี  ? 
การทำวีเนียร์เป็นเรื่องของความสวยงาม การสร้างรอยยิ้มใหม่ให้คนไข้มั่นใจมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญคือราคาที่สูง จึงแนะนำให้พิจารณาจากหลายด้าน เช่น การเลือกทำกับทันตแพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์ในการทำวีเนียร์เป็นสิ่งสำคัญ คลินิกใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัย การทำวีเนียร์หลาย ๆ เคส จะมีขั้นตอนการตัดเหงือกร่วมด้วย หากคลินิกที่มีการบริการตัดเหงือกด้วยเลเซอร์ ก็จะครบจบในที่เดียว และคนไข้จะมีการหายของแผลที่เร็วกว่าการตัดเหงือกแบบวิธีทั่วไป มีการใช้เทคโนโลยีดิจิตอลในการช่วยออกแบบรอยยิ้มใหม่เพื่อให้คนไข้เห็นภาพรอยยิ้มใหม่เบื้องต้นได้ องค์ประกอบเหล่านี้จะทำให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตรงกับความต้องการของคนไข้ได้มากที่สุด

ราคาวีเนียร์ ?  ทำไมวีเนียร์ราคาสูง? 
ราคาของวีเนียร์จะแตกต่างกันตามประเภทของวีเนียร์ และจำนวนซี่ที่ทำ เซรามิกวีเนียร์ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 13,000 - 16,000 บาทต่อซี่ (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของเซรามิกที่เลือกใช้ด้วย) แต่ถ้าเป็นคอมโพสิตวีเนียร์ ราคาจะเริ่มต้นที่ 3,000-5,000 ต่อซี่ โดยทั่วไปถ้าทำหลายซี่ราคาก็จะลดลง โดยทันตแพทย์จะเป็นผู้ประเมินราคาทั้งหมดให้กับคนไข้ในการนัดหมายครั้งแรกที่พบกันที่คลินิก

วีเนียร์ที่ได้มาตรฐานนั้นย่อมมีราคาที่สูง เนื่องจากวัสดุที่ใช้นั้นจะเป็นเซรามิกแบบบางใส มีสีสวยงามแลดูเป็นธรรมชาติ มีลักษณะเงางาม สามารถใช้ในช่องปากได้อย่างปลอดภัยถึงแม้จะอยู่ในช่องปากยาวนาน และที่สำคัญคนไข้จะหมดกังวลเรื่องปัญหาที่ตามแก้ในภายหลังหากใช้วัสดุที่ไม่ดี หรือทำวีเนียร์แล้วขอบไม่แนบสนิทกับผิวฟันธรรมชาติ ปัญหาต่าง ๆ ที่อาจพบได้ เช่น เหงือกอักเสบ มีกลิ่นปาก ฟันผุตามขอบวีเนียร์ รากฟันมีปัญหา และอาจสูญเสียฟันไปในที่สุด

วิธีการดูแลสุขภาพฟันหลังทำวีเนียร์ ?

  • แปรงฟันตามปรกติอย่างสม่ำเสมอ และเน้นการทำความสะอาดบริเวณขอบเหงือกของฟันที่ทำวีเนียร์ เพื่อลดปัญหากลิ่นปากและการผุตามขอบวีเนียร์
  • หมั่นใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ แนะนำให้ทำวันละ1-2 ครั้ง เพื่อความสะอาดของซอกฟัน
  • หลีกเลี่ยงการใช้ฟันกัดของแข็งหรือการใช้ฟันหน้าแทะของแข็ง เพื่อให้การทำวีเนียร์อยู่ได้นาน
  • หลีกเลี่ยงการใช้ฟันหน้าเปิดฝาขวดเครื่องดื่มหรือของแข็งต่าง ๆ ที่มีลักษณะต้องใช้ฟันงัดออก
  • หากมีนิสัยนอนกัดฟัน แนะนำให้ใส่เฝือกสบฟันเพื่อป้องกันไม่ให้วีเนียร์แตก เสียหาย
  • พบทันตแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอหรือเมื่อมีปัญหาเรื่องฟัน เพื่อไม่ให้ปัญหาลุกลามบานปลายและสามารถแก้ปัญหาได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

อาการที่พบได้หลังทำวีเนียร์ ? 

  • งดการเคี้ยวอาหารแข็ง
  • อาจมีอาการเสียวฟันหรือเหงือกบวมได้ในบางกรณี เป็นลักษณะที่ได้ตามปกติ อาการนี้จะเกิดขึ้นในช่วงแรกและหายไปเองในระยะต่อมา คนไข้สามารถทานยาแก้ปวดเพื่อช่วยลดอาการเสียวฟันได้ภายหลังจากที่ทำไป 1 สัปดาห์ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสเผ็ด รสจัด อาหารร้อนจัด หรือ เย็นจัดเกินไป รวมถึงอาหารที่มีความเป็นกรดสูง เช่นน้ำมะนาว หรือ อาหารเครื่องดื่มที่มีรสเปรี้ยวจัด

    สรุป การทำวีเนียร์ เป็นทันตกรรมเพื่อความสวยงาม ที่สามารถใช้แก้ไขความผิดปกติของรูปร่างฟัน สีฟัน รวมถึงการเรียงตัวของฟันที่ผิดปกได้อย่างดีและคุ้มค่า หากใครที่ต้องการทำวีเนียร์ แนะนำให้ปรึกษาทันตแพทย์เฉพาะทาง โดยเลือกคลินิกทันตกรรมที่ได้มาตรฐาน มีอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อความปลอดภัยและความสวยงามของฟันในอนาคต

การตัดเหงือกก่อนทำวีเนียร์จำเป็นไหม มีวิธีไหนบ้าง
การปรับปรุงรอยยิ้มใหม่ให้กับคนไข้ จะต้องพิจารณาหลายองค์ประกอบร่วมกัน เช่น ขนาดของซี่ฟัน สีฟันธรรมชาติ ช่องว่างระหว่างฟันกับมุมปาก (buccal corridor) และที่สำคัญคือระดับเหงือกของฟันที่จะทำวีเนียร์ การตัดเหงือกก่อนทำวีเนียร์นั้นไม่ได้จำเป็นในคนไข้ทุกราย ทันตแพทย์เฉพาะทางจะประเมินความจำเป็นก่อนการรักษาจากการตรวจทางคลินิกและภาพเอกซเรย์ร่วมกัน

การตัดเหงือกมีวิธีไหนบ้าง
การตัดเหงือกก่อนการทำวีเนียร์นอกจากจะช่วยปรับรูปร่างของเหงือกแล้ว ยังเป็นการเพิ่มความยาวของฟันให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสม (golden proportion) ในปัจจุบันการตัดเหงือกมี 2 วิธี ได้แก่ การใช้ใบมีดและการใช้เลเซอร์

  1. การตัดเหงือกด้วยใบมีด

การตัดเหงือกด้วยใบมีด เป็นวิธีการผ่าตัดแบบดั้งเดิม โดยใช้ใบมีดตัดแต่งเหงือกตามระยะที่ได้ออกแบบไว้ หลังการผ่าตัดจะต้องเย็บเหงือกเพื่อปิดปากแผล วิธีนี้จะทำโดยทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งเหงือก และมีระยะเวลาการหายของแผลนานกว่าการใช้เลเซอร์ อย่างไรก็ตามในคนไข้บางรายที่จำต้องมีการกรอปรับแต่งกระดูกร่วมด้วย (crown lengthening) การตัดเหงือกด้วยใบมีดจะเป็นวิธีที่เหมาะสมกว่าการใช้เลเซอร์

    2. การตัดเหงือกด้วยเลเซอร์

การตัดเหงือกด้วยเลเซอร์ แผลจากการตัดเหงือกจะมีขนาดเล็กและมีเลือดออกน้อยกว่าวิธีใช้ใบมีด ไม่จำเป็นต้องเย็บแผล ปกติจะใช้เวลาตัดเพียงซี่ละ 1-2 นาทีเท่านั้น และสามารถพักฟื้นตัวได้รวดเร็ว ทำให้วิธีเลเซอร์ได้รับความนิยมมากกว่าในปัจจุบัน



ตัดเหงือกราคาเท่าไหร่   โดยทั่วไปการตัดเหงือกราคาจะเริ่มต้นอยู่ที่ 2,000 – 3,500 บาทต่อซี่ ทั้งนี้ราคาค่ารักษาจะขึ้นอยู่กับการประเมินของทันตแพทย์

คำถามที่พบบ่อย

วีเนียร์ทำลายฟันธรรมชาติ ?
การทำวีเนียร์จะปลอดภัย เมื่อทำในคลินิกที่ได้มาตรฐานกับทันตแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ หลังทำวีเนียร์จะมีโอกาสเกิดฟันผุใต้วีเนียร์ได้ หากคนไข้ไม่ได้แปรงฟันหรือใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ

ทำวีเนียร์เจ็บไหม ?
ในขณะที่ทำวีเนียร์จะไม่รู้สึกเจ็บ แต่หลังจากยึดวีเนียร์เสร็จ อาจจะมีอาการเหงือกบวมหรือเสียวฟันได้บ้าง แต่จะหายไปเองในเวลาต่อมา สามารถทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการได้

วีเนียร์แตกหัก ทำยังไง ?
วีเนียร์ผลิตมาจากวัสดุที่ค่อนข้างบาง ดังนั้นจึงอาจเกิดปัญหาแตก บิ่น ร้าวได้ หากคนไข้ไม่ระมัดระวัง ซึ่งโดยทั่วไปหลังทำวีเนียร์ ทันตแพทย์จะให้ข้อมูลวิธีการดูแลหลังทำดังที่กล่าวมา แต่หากเกิดปัญหาขึ้น เบื้องต้นแนะนำให้กลับมาพบทันตแพทย์ให้เร็วที่สุด เพื่อทำการซ่อมแซม ซึ่งทันตแพทย์จะพิจารณาความเสียหายทั้งตัววีเนียร์ และสุขภาพฟันของคนไข้ว่าได้รับความเสียหายหรือไม่ ในกรณีที่เสียหายไม่มากนักก็สามารถซ่อมได้ แต่หากได้รับความเสียหายมากอาจจะต้องทำใหม่




ศาสตร์แขนงหนึ่งที่ช่วยในการทดแทนฟันที่สูญเสียไป หรือช่วยในการแก้ไขปัญหาฟันที่เปราะบางหรือแตกหักไป ซึ่งมีวิธีการต่าง ๆ ดังนี้

  • ครอบฟัน
  • สะพานฟัน
  • ฟันปลอม

ครอบฟัน
การทำครอบฟันเป็นการบูรณะและปกป้องฟันที่ได้รับความเสียหาย แตกหัก หรือได้ผ่านการรักษารากฟัน โดยทันตแพทย์จะทำการครอบฟันซี่นั้นด้วยวัสดุประเภทต่าง ๆ เพื่อให้ฟันซี่นั้นมีรูปร่างและประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีดังเดิม

ประโยชน์ของครอบฟันมี ดังนี้

  • ช่วยปกป้องฟันที่อ่อนแอ เนื่องจากแตก หัก บิ่น มีการผุมาก หรือได้รับการรักษารากฟัน และช่วยให้มีความแข็งแรงดังเดิม
  • ช่วยป้องกันฟันที่ได้รับการครอบจากการเกิดฟันผุ
  • ช่วยปกปิดฟันซี่เดิมที่ไม่สวยงาม ด้วยครอบฟันที่มีรูปร่างและสีสรรที่สวยตามที่ต้องการ
  • ช่วยให้สามารถรักษาตำแหน่งฟันและประสิทธิภาพการทำงานให้เหมือนดังเดิม
  • ช่วยบูรณะฟันที่มีรูผุใหญ่ หรือมีวัสดุอุดเดิมที่ใหญ่เกินไปได้
  • เป็นองค์ประกอบในการทำสะพานฟัน
  • ช่วยบูรณะและการคงสภาพการสบฟันของผู้ป่วยตามธรรมชาติ
  • เป็นองค์ประกอบในการปลูกรากฟันเทียมไททาเนียม
  • ช่วยให้มีรอยยิ้มที่สวยงาม

ประเภทของครอบฟัน


ครอบฟันคอมโพสิท (Composite crown) คือครอบฟันที่ถูกใช้เป็นครอบฟันชั่วคราว มากกว่าเป็นครอบฟันถาวร เพราะเป็นครอบฟันที่สามารถทำเสร็จได้เร็ว แต่ครอบฟันมีความแข็งแรงน้อย และทนทานต่อการใช้งาน และการเปลี่ยนสีของตัววัสดุน้อยกว่าครอบฟันชนิดอื่นๆ ที่กล่าวมา
ครอบฟันแบบโลหะ (Metal Crown)  ครอบฟันแบบโลหะล้วนนั้นจะมี่ความแข็งแรงและทนทานมากที่สุด เนื่องจากไม่มีการบิ่นหรือ แตกเหมือนวัสดุเซรามิก
ครอบฟันโลหะเคลือบพอร์ซเลน (Porcelain fused to metal crown) คือครอบฟันชนิดที่มีส่วนของโลหะเป็นฐานอยู่ด้านใน และเคลือบด้วยชั้นของพอร์สเลน จึงทำให้ครอบฟันชนิดนี้ยังคงมีความแข็งแรง และมีความสวยงามใกล้เคียงฟันธรรมชาติ
ครอบฟันแบบเซรามิกล้วน (All Ceramic) มีสีสันที่เหมือนฟันจริงตามธรรมชาติ โดยทันตแพทย์มักจะแนะนำให้ผู้เข้ารับบริการเลือกใช้ครอบฟันแบบเซรามิกล้วนในการทดแทนฟันหน้า ซึ่งครอบฟันแบบเซรามิกล้วนนั้นจะมีความใส สวยงาม เหมือนฟันตามธรรมชาติ

ฟันปลอม

ฟันที่ถูกทำขึ้นโดยทันตแพทย์เพื่อใส่ทดแทนฟันธรรมชาติและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ที่สูญเสียฟันให้ดีขึ้น ทำให้สามารถยิ้มได้อย่างมั่นใจ สวยงาม และเคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เหตุผลที่ต้องใส่ฟันปลอม

  1. ช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพ เพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ที่สูญเสียฟันธรรมชาติ โดยเฉพาะในฟันหน้า
  2. ช่วยในการบดเคี้ยวทำให้สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ละเอียดขึ้น ทำให้กระเพาะอาหารไม่ต้องทำงานหนักจนเกินไป
  3. ช่วยป้องกันการเกิดฟันที่อยู่ข้างเคียงล้มเอียงหรือฟันคู่สบยื่นยาวเข้ามาหาช่องว่างที่สูญเสียฟัน

ฟันปลอมชนิดถอดได้

คือ ฟันปลอมที่ทำขึ้นให้กับผู้ที่ยังมีฟันธรรมชาติหลงเหลืออยู่ เป็นการใส่ฟันเพียงบางส่วน ถอดออกมาล้างทำความสะอาดได้  แบบถอดได้แบ่งได้ดังนี้  ฟันปลอมโครงโลหะ.   ฟันปลอมโครงอคริลิก  ฟันปลอมถอดได้ทั้งปาก

ข้อดี

  1. ช่วยให้ผู้ที่ใส่สามารถดูแลรักษาความสะอาดได้ง่าย
  2. ช่วยในการบดเคี้ยวอาหารได้

ข้อเสีย

  1. เกิดความรำคาญในขณะพูดหรือการเคี้ยวอาหาร
  2. ประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวจะต่ำกว่าฟันปลอมชนิดอื่น
  3. ไม่สวยงามอาจจะมองเห็นตะขอที่ใช้เกี่ยว

ฟันปลอมชนิดติดแน่น

เป็นฟันปลอมถาวรที่ยึดแน่นในช่องปากโดยอาศัยฟันธรรมชาติซี่ที่อยู่ข้างเคียงกับช่องว่างเป็นหลักในการยึดฟันปลอม ฟันปลอมชนิดนี้ผู้ที่ใส่ไม่สามารถถอดออกมาเพื่อทำความสะอาดภายนอกช่องปากได้   

ข้อดี

  1. ฟันปลอมติดแน่นจะมีลักษณะ และขนาดเหมือนฟันธรรมชาติมากกว่าฟันปลอมถอดได้ จึงทำให้เรารู้สึกสบายกว่า ไม่มีส่วนของเหงือกปลอม หรือตะขอที่เกะกะ
  2. การใช้งาน ประสิทธิภาพดี แข็งแรง สวยงาม

ข้อเสีย

  1. ต้องมีการกรอฟันข้างเคียงเพื่อยึดฟันปลอม ทำให้สูญเสียเนื้อฟัน
  2. ถอดออกมาล้างทำความสะอาดไม่ได้ ติดอยู่ในปากของเราเลย หากเราแปรงฟันทำความสะอาดไม่ดีอาจทำให้    ฟันข้างเคียงเสียหายไปได้ เป็นโรคเหงือก หรือฟันผุได้ง่าย
  3. ราคาสูงกว่าแบบถอดได้

 

ฟันเปลี่ยนสีเพราะอะไร ?
ฟันที่เปลี่ยนสี เกิดจาก 2 สาเหตุหลัก คือ สาเหตุจากภายนอกตัวฟัน (Extrinsic) เช่น สีจากอาหาร เครื่องดื่ม บุหรี่ เป็นต้น และ สาเหตุจากภายในตัวฟัน(Intrinsic) เช่น การสะสมสารมีสีข้างในเนื้อฟันขณะสร้างฟัน หรือในกรณีฟันตาย เป็นต้น ดังนั้น การฟอกสีฟันจึงมีด้วยกันหลายวิธี ขึ้นอยู่กับต้นเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนสีนั้น

บริการฟอกสีฟัน 3 วิธี

In-office Power Bleaching
การฟอกสีฟันที่ทำให้โดยทันตแพทย์ในคลินิก ใช้เจลฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูง โดยเจลฟอกสีฟันของ ZOOM ถูกออกแบบให้เจลออกฤทธิ์ได้อย่างอ่อนโยน ด้วยกระบวนการทำงานที่จะค่อยๆแทรกซึมลงสู่ชั้นผิวฟัน ในเจลฟอกสีฟันของ ZOOM จะมีสาร Hydrogen Peroxide แตกตัว Hydrogen จะเข้าสู่ชั้นผิวโดยจะไม่ทำลายโครงสร้างของฟันธรรมชาติ  อีกทั้งยังพบว่าแสงที่ใช้ในการฟอกสีฟันของ ZOOM ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่เจลฟอกสีฟัน และสามารถเปลี่ยนสีฟันได้ถึง 8 เฉดสี โดยเครื่องสามารถปรับระดับความเข้มของแสงหลากหลายเฉดสีได้เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวะฟันของผู้ป่วยแต่ละคน จนทำให้ได้ฟันท่ขาวขึ้น ใช้ระยะเวลาเพียง 45 นาที เสียวฟันน้อยกว่าระบบอื่น อีกทั้ง ฟันยังคงความขาวได้นานกว่าการฟอกสีฟันด้วยระบบอื่น
At-home Bleaching
การฟอกสีฟันที่ให้นำกลับไปทำเองที่บ้าน คือ กระบวนการฟอกสีฟันขาว โดยการใส่เจลที่มีคุณสมบัติฟอกสีฟัน ลงใน Tray ที่พิมพ์ปากของคุณไว้ แล้วนำไปสวมไว้สักระยะหนึ่งด้วยตัวคุณเองที่บ้าน ภายใต้คำแนะนำและการดูแลของทันตแพทย์
กระบวนการฟอกสีฟันแบบทำเองที่บ้านมีขั้นตอนง่ายๆ เพียงแค่ใส่เจลฟอกสีฟันลงบท Tray ของตนเอง จากนั้นสวมทิ้งไว้ ตัวยาในเจลจะแตกตัวให้สาร O ion ที่สามารถแทรกซึมผ่านเข้าชั้น Dentin และ Enamel ทำปฏิกิริยากับสารที่มีในเนื้อฟัน ทำให้โมเลกุลของสีแตกออก สีจึงจางหายไปโดยไม่มีอันตรายต่อตัวฟัน
In-office assisted Bleaching
เป็นการฟอกสีฟันที่ทำร่วมกันระหว่างการฟอกสีฟันที่คลินิก และการนำชุดฟอกสีฟันกลับไปทำที่บ้าน โดยทำในกรณีที่สีเริ่มต้นของฟันเข้มมาก โดยจะทำที่คลินิกก่อน จากนั้นให้กลับไปทำต่อเองที่บ้าน  และในกรณีที่ต้องการ Touch  Up เพื่อให้ฟันของคุณขาวอยู่เสมอด้วย DayWhite หรือ NiteWhite ก็จะยิ่งทำให้ฟันของคุณขาวตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม หลังฟอกแล้วผลจะอยู่ได้นาน ตราบเท่าที่คุณคอยดูแลฟันเป็นอย่างดี และปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์

การฟอกฟันขาว ด้วย Zoom!

ZOOM! เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของการฟอกสีฟัน โดยใช้เทคโนโลยี LED ที่สามารถปรับความเข้มข้นของแสงได้ 3 ระดับตามความเหมาะสม ภายใต้การดูแลของทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทำให้การฟอกสีฟันระบบ ZOOM! เป็นระบบการฟอกสีฟันที่ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ สามารถทำให้ฟันขาวขึ้นในทันทีภายใน 45 นาทีเท่านั้นเอง

การฟอกสีฟันด้วยระบบ “ซูม แอดวานซ์พาวเวอร์” เป็นระบบฟอกสีฟันที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาตร์แล้วว่ามีความปลอดภัย มีประสิทธิภาพสูง เห็นผลเร็ว และขาวนาน เมื่อเทียบกับวิธีการฟอกสีฟันแบบอื่น จึงเหมาะมากโดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลา โดยมีขั้นตอนง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก

ขั้นตอนการทำงานของ Zoom! เริ่มต้นโดยใช้เวลาเพียงเล็กน้อย ปกปิดผิวหนังรอบปาก ตลอดจนเหงือกให้พ้นจากการโดนแสง เว้นไว้เพียงบริเวณผิวหน้าของฟันที่ต้องการฟอกสีฟันเท่านั้น จากนั้นทันตแพทย์จะทาเจลที่ได้ออกแลลมาให้เพื่อทำงานควบคู่กับแสงจากเครื่อง Zoom! เพื่อกระตุ้นให้เจลแตกตัวและปล่อยสารที่มีคุณสมบัติกำจัดสีซึมผ่านเข้าไปในเนื้อฟัน เพื่อฟอกสีฟันให้ขาวขึ้น ผลของการฟอกสีฟันนี้ จะคงอยู่ไ้นานเท่าใด ขึ้นอยู่กับการดูแลฟันหลังจากฟอกสี โดยเฉลี่ยนแล้วจะอยู่ได้ประมาณ 2 ปี

การฟอกฟันขาวด้วยระบบ ZOOM ทั้งรวดเร็วและสะดวกสบาย คงความขาวได้นาน เสียวฟันไม่มาก (หากมีอาการเสียวมักเป็นชั่วคราวไม่เกิน 1 วันค่ะ) นอกจากนี้ยังได้รับการพิสูจน์แล้วว่าปลอดภัย ไม่มีอันตรายต่อโครงสร้างของฟัน และมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งทุกขั้นตอนการรักษาทำโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอีกด้วยค่ะ

คำถามที่ถูกถามบ่อย (FAQ)

ฟอกสีฟัน สามารถทำได้เมื่ออายุเท่าไหร่
ทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 14 ปีขึ้นไป แต่ผลของการฟอกจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสีฟันเดิม และเวลาที่ใช้ทำการฟอกโดยทันตแพทย์ของท่านจะตรวจและให้คำแนะนำได้

ฟอกสีฟันปลอดภัยหรือไม่
ปลอดภัยแน่นอน จากการศึกษาค้นคว้าวิจัยที่ได้รีบการยอมรับทั่วโลกพิสูจน์แล้วว่า การฟอกสีฟันภายใต้การแนะนำดูแลของทันตแพทย์นั้นปลอดภัยที่สุด อย่างไรก็ตามไม่แนะนำให้ทำในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปี และในสตรีมีครรภ์ หรืออยู่ระหว่างการให้นมบุตร

มีผลข้างเคียงไหม
บางคนอาจมีอาการเสียวฟันได้ แสงจาก ZOOM! อาจจะทำให้อุ่นเล็กน้อย

หลังฟอกจะขาวนานไหม
หลังฟอกแล้วผลจะอยู่ได้นาน ตราบเท่าที่คุณคอยดูแลฟันเป็นอย่างดี และปฎิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์ อย่างไรก็ตามสามารถทำ Touch Up เพื่อให้ฟันของคุณขาวอยู่เสมอด้วย DayWhite หรือ NiteWhite ก็จะยิ่งทำให้ฟันของคุณขาวตลอดเวลา

ฟอกที่คลินิกใช้เวลาทำนานแค่ไหน
ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง ในการฟอกสีฟัน โดยจะใช้เวลาเล็กน้อยในการปกปิดเนื้อเยื่อต่างๆ รอบปากและใช้เวลาที่ใช้ฉายแสงอีก 45 นาที

 

^