การฝังรากเทียม คือ การผ่าตัดที่นำโลหะผสมหรือโครงฝังลงในตำแหน่งของขากรรไกรภายใต้เหงือก เมื่ออยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมแล้ว ทันตแพทย์จะนำฟันใหม่มาให้ยึดติดกับรากเทียม โดยที่ยึดฟันปลอมบนรากเทียมจะให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติมากกว่าฟันปลอมหรือการทำฟันปลอมแบบธรรมดา
รากฟันเทียมเหมาะสำหรับทุกคน
รากฟันเทียม กลายเป็นการรักษาที่ค่อนข้างได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในปัจจุบัน สามารถทดแทนได้ทั้งกรณีที่ฟันหายไปเพียง 1 ซี่ หลายซี่ ทั้งขากรรไกร หรือทั้งปากได้และสามารถทำได้กับทุกคนที่สูญเสียฟันแท้ไป โดยไม่จำกัดอายุ
อายุการใช้งานของรากฟันเทียม
มีการศึกษาถึงความคงทนของรากฟันเทียมมานานถึง 30 ปีแล้ว ผลปรากฎว่า หากมีสุขภาพช่องปากและการดูแลที่ดี มีการตรวจสุขภาพปากและฟันอย่างสม่ำเสมอ รากฟันเทียมก็จะสามารถอยู่คงทนได้ตลอดชีวิต
ข้อดีอื่น ๆ ของรากฟันเทียม
- ลดปัญหาการเสียเนื้อฟัน ซึ่งมีความจำเป็นในการทำสะพานฟันแบบทั่วไป
- ช่วยเพิ่มความมั่นใจ รวมถึงประสิทธิภาพในการออกเสียงและสนทนา
- ป้องกันการสูญเสียฟันบริเวณข้างเคียง และกระดูกรองรับอันเกิดจากการสูญเสียฟัน
- เหมือนฟันจริงมากที่สุดในปัจจุบัน
- ช่วยให้สุขภาพของช่องปากดีขึ้น
- ความแข็งแรงและมั่นคงของรากฟันเทียม ช่วยเพิ่มความสามารถในการบดเคี้ยว ทำให้สามารถเลือกรับประทานอาหารได้ตามต้องการ
- มีความสะดวกสบายกว่าการใส่ฟันปลอมแบบทั่วไป
- มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน รวมถึงมีความทนทานสูง
- ลดปัญหาการเคลื่อนตัว การหลุดออก และความกังวลใจเกี่ยวกับการเลื่อนหลุดของฟันปลอม
ขั้นตอนทั่วไปของการปลูกรากฟันเทียม
- ทันตแพทย์จะทำการ X-ray และอธิบายแผนการการรักษากับคนไข้
- ผ่าตัดเพื่อฝังตัวรากเทียมลงไปในกระดูกเย็บปิดแผล รอ 7 วันมาตัดไหม
- รอให้กระดูกขากรรไกรเชื่อมติดกับรากเทียม ประมาณ 3-6 เดือน (ฟันบน) 2-3 เดือน (ฟันล่าง) กรณีมีการปลูกกระดูกร่วมด้วย รอประมาณ 6 เดือน
- ต่อเดือยรองรับครอบฟัน (Abutment) เพื่อใช้เป็นที่รองรับครอบฟัน
- พิมพ์ปาก เพื่อส่งให้ Lab ทำครอบฟัน
- ใส่ครอบฟัน ครอบฟันทำจากเซรามิก ที่มีรูปร่างลักษณะสีส่วนผสมเหมือนฟันธรรมชาติมาก ๆ